JokerHIP

JokerHIP
Jokerhip

วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วันลอยกระทง Diary ของ JokerHIP

สวัสดีครับ เพื่อนๆทุกๆคน วันนี้วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 13.50 น.

วันนี้ก็เป็นวันลอย ลอย กระทง~~~ เฮ้อ ตรงกับวันอาทิตย์พอดี
ไม่มีเวลาว่างทำกระทงของตัวเองเลย วันนี้ว่าจะทำ แต่นึกไปนึกมา ไม่ทำดีกว่า
จำได้ว่าปีที่แล้วนั้น ผมไม่ได้ไปลอยกระทงเลย อยู่แต่ที่บ้าน นั่งดูพุบ้าง ดูขบวนลอยกระทงบ้าง ตามประสาคนเซ็งๆ
ปีนี้ก็คงเป็นอีกปีเช่นกัน ที่จะไม่ได้ไปลอยกระทง เสาร์นี้ไปหาพ่อที่ อ.กระสัง ครับ พาหลานกับพี่สาวไป

ก็ไปเยี่ยมพ่อครับ ว่าเป็นยังไง บรรยากาศเย็นดีครับ ไม่เหมือนในเมือง บุรีรัมย์ จะเดือนธันวาคมแล้ว ร้อนตับแตกมากเลย (ใครบอกปีนี้หนาวกว่าปีก่อนฟ่ะ!!~)
วันนี้วันอาทิตย์ก็เป็นวันว่างอีกวันนึง แต่ว่างแบบยุ่งๆ (ยังไงละเนี่ย..) ก็คือ งานตัวเองไม่มี แต่คนอื่นเข้ามาสอบถาม และมีคำถามเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของทีม Asteria-TH
ก็เลยวุ่นๆ ว่าจะพักผ่อนซะหน่อย แต่ก็ดีครับ ได้ช่วยเหลือผู้อื่น เต็มใจอยากจะช่วยเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ

มาถึงตอนนี้ ผมเหมือนกลายเป็นคนติดงานไปซะงั้น.. ที่ติดนั้นก็คือ อยากจะทำงาน อยากจะแบบว่า สร้างอะไรที่มันเป็นรูปธรรม ให้มันดูดี สำหรับคนอื่นๆ
เหมือนได้ช่วยเหลือผู้อื่นไปด้วย แล้วก็มันเป็นสิ่งที่ดีนะครับ ที่เราจะสร้างเครือข่าย ของทีม หรือแม้แต่อื่นๆ สิ่งอื่นๆ คำว่า เครือข่าย มันดูกว้างขวางมากครับ มองแล้วมีความสุขดี
ว่างสักนิด ก็จะอ่านหนังสือบ้าง ความรู้สาระ อ่านข่าวบ้าง นิดๆหน่อยๆ (งดข่าวการเมือง ทำให้คนเสีย) ธุรกิจบ้าง ดูแวงวงข่าววงใน เพื่อจะได้ไม่เสียเปรียบคู่แข่ง

---พูดยาวแล้วกลับเข้าเรื่องก่อนดีกว่าครับ---

ผมว่าจะทำประวัติ ความเป็นมาของ "วันลอยกระทง" มาใส่ในบล็อคนี้ เพื่อนึกถึงประเพณี วัฒนธรรมของไทยครับ ทั้งแบบภาษาไทย และฉบับภาษาอังกฤษ
เผยแพร่สิ่งดีๆของไทยให้ชาวโลกได้รู้.. ถ้าอยากรู้ว่าประวัติความเป็นของวันลอยกระทง อีกไม่นานจะเอามาลงให้นะครับ

มีคนส่งข้อความถึงผมว่า "ลอย ลอยกระทง หาคู่ได้ยังจ๊ะ" .>>>>>>>>>>>
ผมก็ตระหงิดๆ ในใจ ลอยกระทง สมัยนี้ มีแบบคู่แล้วหรอ -*- จะลงแข่งโอลิมปิกหรือไง ลอยกระทงก็ยังสวีทกันได้เนอะ (สวีทยังไงอ่ะ ลอยพร้อมกันหรอ) ลองบอกให้เข้าใจทีสิ
ลอยกระทงผมจำได้ว่าผมลอยตอนเด็กๆกับพ่อกับแม่ และพี่ๆครับ สนุกตรงนี้ดูพุแล้วได้เดินกินขนมไปด้วย สนุกอีกแบบ
แต่พอโตมาแล้ว มันเฉยๆ สิ่งที่จะได้รับความบันเทิงในตัวเองนั่นก็คือ พุครับ ดูแล้วสวย มีจิตนาการ

ปีนี้เป็นอีกปีที่ไม่ได้ลอยกระทง คงอาจจะอยู่บ้านทำงานอย่างเดียว เฮ้ออ ทำงานตั้งแต่วัยรุ่น รีบหาเงินไปแต่งใครว้าเนี่ยย...


ลอยกระทงนี้ขอให้เพื่อนๆทุกๆคน ได้เที่ยวในวันเทศกาลอย่างสนุกสนานนะครับ ขอให้ไม่มีภัยร้ายในวันแห่งความสุข ในวันประเพณีไทย

แล้วเจอกันอีกทีตอนวันปีใหม่นะคร้าบบบ ..... .-^ _ ^-.

By. JokerHIP

KFC : ประวัติเรียงนามของ ผู้พันแซนเดอร์ส !!



หากเราจะเอ่ยคำว่า "ไก่ KFC" คงไม่มีใครบนโลกนี้ที่ไม่รู้จัก เพราะ KFC นั้น ได้แพร่กระจาย ดังไปทั่วโลก มีอาหารที่เด่นนั่นก็คือ " ไก่ " ที่ไม่เหมือนใครบนโลก และไม่มีใครเหมือน บางท่านได้ทานหรือรู้จักกับรสชาติของไก่ KFC ไปแล้ว แต่หารู้ไม่? ผู้ก่อตั้ง ไก่ KFC นั้น ชีวิตของเขาไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิดเลย กว่าจะมี "ไก่ KFC" นั้น ยากเย็นแสนเค็ญมาก

ชายผู้นี้ได้รับเกียรติเป็น "อนุสรณ์แห่งความล้มเลว"

ประวัติของเขาเป็นอย่างไร เรามาติดตามกันครับ..

อนุสรณ์แห่งความล้มเลว.. " ฮาร์แลนด์ ดี แซนเดอร์ส "

พ่อของเขาเสียชีวิตตอนที่เขาอายุได้เพียงห้าขวบ เขาต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน ขณะอายุ 16 ปี
ตอนอายุ 17 ปี เขาแสดงความสามารถพิเศษด้วยการตกงานติดต่อกันถึง 4 ครั้ง

เขาแต่งงานตอนอายุ 18 ปี ปีถัดมาเขาได้เป็นพ่อคน
แต่ชีวิตคู่ของเขาก็มีความ สุขอยู่ได้ไม่นานนัก อายุ 20 ปี ภรรยาของเขาพาลูกสาวหนีไป
เพราะทนใช้ชีวิตกับ เขาไม่ได้

ช่วงอายุ 18-22 ปี เขาประกอบอาชีพเป็นคนขายตั๋วรถไฟแล้วก็ล้มเหลว
แต่เขาก็ยัง ต่อสู้กับชีวิตด้วยการหาโอกาสให้ชีวิต แต่ทุกอย่างที่เขาทำก็ไม่วายล้มเหลว เหมือนเดิม

เขาสมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพแต่ก็ถูกขับออกมา
หันเหมาสมัครเข้าโรงเรียนกฎหมาย แต่ด้วยความสามารถอันเอกอุ เขาถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดี

แล้วเขาก็ไปทำงานเป็นพนักงานขายประกัน แน่นอนที่สุด เขาล้มเหลวอีกครั้ง (แล้ว)

แค่เกริ่นมาข้างต้นก็คงไม่ต้องบอกว่า ชายคนนี้ทำอะไรไม่ได้เรื่องเลยสักอย่าง !
แต่ก็อย่างว่าแหละ คนเราอะไรมันจะไม่ได้เรื่องไปเสียหมด
สิ่งเดียวที่เขาพบว่า เขาทำได้ดีก็คือ การทำอาหาร
ดังนั้นเขาจึงไปทำงานเป็นพ่อครัวและคนล้างจานในร้าน
กาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ใช่ชีวิตที่ทรงคุณค่าอะไรเลยในความคิดของเขา

ชีวิตที่ร้านกาแฟ เขามีเวลามากมายที่จะนั่งคิดและทำอะไรได้มากพอสมควร
แต่เขา กลับเลือกใช้เวลานั่งคิดถึงภรรยาและลูกสาวของเขา
เขาเพียรพยายามติดต่อภรรยาและอ้อนวอนให้เธอกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง แต่ได้รับคำปฏิเสธ
เขาเปลี่ยนความ คิดใหม่ เขาไม่ต้องการภรรยาอีกต่อไป ขอเพียงแต่ได้ลูกสาวกลับคืนมาก็พอ
เพราะเขา รักและคิดถึงเธอเหลือเกิน
เขาใช้เวลาว่างในร้านกาแฟวางแผนในการนำลูกสาวกลับคืนมาสู่อ้อมอกของตน
เขาวางแผน ทุกขั้นตอนละเอียดยิบ คำนวณทุกฝีก้าว
ในที่สุดแผนการอันแสนยาวนานก็เสร็จสิ้นลง
เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ คุณพ่อวัยรุ่นผู้น่าสงสารซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้นอกบ้านหลังเล็กๆ ของภรรยาของ
เขา
เฝ้ามองลูกสาวของเขาเล่นอยู่หน้าบ้านและเตรียม พร้อมที่จะ "ลักพาตัวเธอ!"

แล้ววันที่ตั้งใจไว้ก็มาถึง เขาซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้อย่างระมัดระวัง แม้จะรู้สึกกังวล ตื่นเต้น และตระหนก
อยู่บ้าง
แต่นั่นมิอาจเทียบได้กับความรักที่เขา มีต่อลูก เขาตัดสินใจที่จะต้องลงมือทำให้สำเร็จ แต่แล้วอนิจจา
...
วันนั้นลูก สาวของเขาไม่ออกมาเล่นหน้าบ้านเลย

แม้กระทั่งความพยายามในการก่ออาชญากรรม เขาก็ยังล้มเหลว
เขารู้สึกเหมือนคนที่ พ่ายแพ้ต่อโชคชะตา รู้สึกเหมือนคนไม่มีค่า
และเหมือนพระเจ้ากำหนดมาแล้วว่าเขาจะ ต้องอยู่เพียงลำพังไปตลอดชีวิต

แต่เหมือนปาฏิหาริย์ ในที่สุดเขาก็สามารถโน้มน้าวภรรยาให้กลับมาอยู่ด้วยกันได้
พวกเขาทำงานด้วยกันในร้านกาแฟแห่งนั้น ทำอาหารและล้างจานอยู่จนกระทั่งเขาเกษียณ ตอนอายุ 65
ปี

วันแรกของการเกษียณอายุ เขาได้รับเช็คเงินประกันสังคมฉบับแรกของเขา เป็นเงิน 105 ดอลลาร์
( ราวสี่พันบาท)
เช็คดังกล่าวเหมือนเป็นตัวแทนของรัฐที่ฝากมาบอกเขาว่า เขาไม่อาจจะดูแลตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว
ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือใช้ชีวิต อยู่จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตด้วยเงินสนับสนุนจากรัฐบาล

มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้สึกถูกปฏิเสธ ล้มเหลว เสียกำลังใจ และท้อแท้
ชีวิต ของเขาได้รับความผิดหวังอีกครั้งหนึ่งหลังจาก 65 ปีอันยาวนาน

เขาบอกกับตัวเองว่าถ้าเขาดูแลตัวเองไม่ได้ ต้องมีชีวิตอยู่โดยให้รัฐบาลดูแล
เขาก็ไม่สมควรจะมีชีวิตอีกต่อไป เขาตัดสินใจ (อีกแล้ว) ว่า " จะฆ่าตัวตาย "
เขาหยิบกระดาษหนึ่งแผ่นกับดินสอหนึ่งแท่ง
นั่งลงใต้ต้นไม้ในสวนหลังบ้านอย่างสงบ ตั้งใจที่จะเขียนคำสั่งเสียและพินัยกรรม

แต่แทนที่จะทำเช่นนั้น กลับเหมือนมีอะไรมาดลใจ เหมือนเป็นครั้งแรกที่ชีวิตเกิดปัญญา
เขาเริ่มต้นเขียนสิ่งที่เขาควรจะเป็น ชีวิตที่เขาควรจะมี และสิ่งที่เขาปรารถนาในช่วงชีวิตสุดท้ายที่
เหลืออยู่
เขาตกใจมาก เมื่อค้นพบความจริงในชีวิตว่า เขายังไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันกับเขาสัก
อย่างเลย ! (เพิ่งนึกได้)

เขานั่งครุ่นคิดกับตัวเองอย่างจริงจัง มีบางอย่างที่เขาสามารถทำได้
บางอย่างที่คนที่รอบตัวทำสู้เขาไม่ได้ ใช่ ! เขารู้วิธีปรุงอาหาร
ชีวิตเกือบทั้งหมดของเขา อยู่ที่หน้าเตาร้อนๆ มาตลอด เขาตัดสินใจกับตัวเองอีกครั้ง
ในที่สุดเขาเลือกที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อทำอะไรสักอย่างในชีวิตให้ประสบความสำเร็จ

เขาตั้งใจว่าถ้าเขาจะตาย เขาก็อยากจะตายในแบบที่ได้ลองพยายามเป็นใครสักคน
และทำบางสิ่งบางอย่างที่มีค่าด้วยชีวิตที่เหลืออยู่น้อยนิดของเขา

เขาลุกจากเงาไม้ มุ่งหน้าไปยังธนาคารในเมือง เพื่อขอยืมเงินจำนวน 87 ดอลลาร์จากเช็คประกัน
สังคมฉบับต่อไปของเขา
ด้วยเงิน 87 ดอลลาร์นั้น เขาซื้อกล่องเปล่าและ ไก่จำนวนหนึ่ง

จากนั้นเขาก็กลับไปที่บ้านและลงมือทอดไก่ที่ซื้อมาด้วยสูตรพิเศษที่เขาได้คิดค้นขึ้นมาในช่วงหลายปีที่ทำงาน
ที่ร้านกาแฟนั้น

เขาเริ่มขายไก่ทอดของเขาตามบ้านต่างๆ ในเมืองคอร์บิน รัฐเคนตั๊กกี้ของเขา

แล้วคนขายไก่ทอดอายุ 65 ปีคนนั้นก็กลายมาเป็นผู้พันฮาร์แลนด์ แซนเดอร์ส
ราชาผู้เป็นที่รักของอาณาจักร Kentucky Fried Chicken หรือที่เรารู้จักกันในนาม KFC นั่นเอง

ตอนอายุ 65 ปี เขาเป็นเหมือนอนุสรณ์แห่งความล้มเหลวที่ยังมีชีวิต แต่ในวัย 85 ปี
เขาก็กลายเป็นเศรษฐีพันล้านและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก มีผู้คนให้เกียรติเขาทั่วประเทศ

เรื่องราวชีวิตของผู้พันแซนเดอร ์ส เป็นอีกบทหนึ่งของเรื่องราวความสำเร็จ
ที่ได้รับคำยกย่องจากผู้คนทั่วโลก แต่ใครจะรู้บ้างว่าหากใต้ต้นไม้วันนั้น
ผู้พันแซนเดอร์สได้ทำตามที่เขาตั้งใจไว้แต่แรก
ตำนานไก่ทอดสะท้านโลกก็คงจะไม่มีให้เราได้เห็นกัน

จริงอย่างที่เขาว่า ความสำเร็จกับความล้มเหลวห่างกันเพียงแค่พลิกฝ่ามือ
มันอยู่ที่ว่าคุณเลือกที่จะ "สู้ต่อ" หรือ "ยอมแพ้"

สำหรับผู้พันแซนเดอร์ส 65 ปี ของชีวิตที่ล้มเหลว เทียบคุณค่าอะไรไม่ได้เลยกับ 20 ปีแห่งความสำเร็จ

แล้วชีวิตของคุณหละ ล้มเหลวมากพอหรือยัง ?

วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553

.-` ### แนะนำตัวเองก่อน JokerHIP ### `-.

สวัสดีครับ เพื่อนๆทุกคน ผมมีสิ่งนึงที่เชื่อเป็นอย่างยิ่งเลยว่า "คุณมาเจอ บล็อคผมได้ยังไง" ปาฏิหาริย์!!! ซะงั้น - -" แต่อย่าพึ่งปิดก่อนละกัน ช่วยอ่านสักนิด ไหนๆก็มาแล้วน้าาา..

### แนะนำตัวเอง ###

**ชื่อ-สกุล : นาย อภิชาติ อพรรัมย์

**ชื่อเล่น : เต๋า

**เพศ : ชาย

**พี่น้อง : 3 คน ชาย 1 คน หญิง 2 คน

**ฉายา : JokerHIP

**โรงเรียน/ชั้น :???

**เกิดวันที่ : 22 สิงหาคม 2536

**เกิดที่ : โรงพยา่บาลนพรัตน์ราชธานี @กรุงเทพมหานคร

**กรุ๊ปเลือด : O (หรือเปล่าไม่แน่ใจ..)

**งานอาชีพ : ?

**บ้านเลขที่ : ย้ายบ่อยเกินจำไม่ได้

**น้ำหนัก : 60 กิโลกรัม

**ส่วนสูง : 175 เซ็นติเมตร

**กีฬาที่ชื่นชอบ : บาสเก็ตบอล

**อาหารที่ชอบทาน : ข้าวผัดหมู ไก่ ไข่ดาว, คะน้าหมูกรอบ, สุกี้ทะเล , กระเพาเครื่องในไข่ดาว, ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก เส้นเล็ก, ก๋วยเตี๋ยวเนื้อเปื่อย เส้นเล็ก, ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ, ก๋วยเตี๋ยวต้มยำเส้นหมี่เหลือง.. ETC+++

**ผลไม้ที่ชอบทาน : ส้ม, สัปปะรด, เงาะ, ทุเรียน, ลำไย....

**เครื่องดื่มที่ชอบ : ชานมเย็น, ไมโลปั่น, นมสดปั่น, โอวัลตินปั่น, Splash, โค้ก

**เกมส์ที่ชอบเล่น : GTA San Andreas, The Sims 1-3, Guitar Hero ทุกภาค, NBA 2K, Ragnarok, Pangya, O2Jam, BandMaster ETC++

**ศิลปินสากลที่ชอบ : Eminem, 50Cent, Snoop dogg, Dr.Dre, Notorious, Ray Charles, Jay-Z, Black Eyed Peas, Drake, Kayne West, Lil Wayne, Usher, System of a down, Korn, Metallica, Dragon Force, Greenday, Li John,Busta Rhyme, T.I., 2Pac, DJay ETC+++

**ดาราที่ชอบ : Tom Cruise, Nicolas Cage, Morgan Freeman, Bradley Cooper, Will Smith, Tom Hanks, Zach Efron, Denzel Washington, Jim Carrey, Jamie Foxx ETC+++

**สิ่งที่น่าสนใจ : กีฬา, ดนตรี,

Email & MSN : ometaltao@live.com

Facebook & Twitter : ometaltao@hotmail.com

Skype : oMetaltao

Phone Number : +6688080****

#### ประวัติย่อของนาย อภิชาติ อพรรัมย์ ####

นายอภิชาติ อพรรัมย์ เกิดวันที่ 22 สิงหาคม 2536 มีพี่จำนวน 3 คน ไม่มีน้องเป็นคนสุดท้อง พี่ชาย 1 หญิง 2

เกิดที่โรงพยาบาล นพรัตน์ราชธานี ชื่อแรกเกิดคือ ด.ช. วิสณุ สมพรจินตนา ถูกตั้งโดยคุณหมอ เนื่องจากออกจากโรงพยาบาลแล้วยังไม่ได้ตั้ง (แม่มัวแต่ถามหลวงพ่ออยู่) แล้วได้มาเปลี่ยนชื่อและนามสกุลเป็น ด.ช. อภิชาติ อพรรัมย์

## การศึกษา ##

___ อนุบาล - ประถมศึกษาปีที่ 3 ___

โรงเรียนคลองกุ่ม แถวๆมีนบุรี

___ ประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 ___

โรงเรียนไกรลาศศึกษา

___ มัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ___

โรงเรียนเทศบาล ๑ "บุรีราษฎร์ดรุณวิทยา"

___ มัธยมศึกษาปีที่ 4 ปัจจุบัน ___

โรงเรียน บุรีรัมย์พิทยาคม

By. JokerHIP

วันพุธที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2553

..`การใช้เงินแบบคุ้มค่าฉบับ JokerHIP`..

วันนี้ผมมีบทความที่ว่า “การใช้เงิน” หลายๆคนเมื่อได้ยินคำนี้ ก็จะมีความหมายแตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคล แล้วแต่ความเข้าใจ ว่าการใช้เงินนี้ จะมีประโยชน์มากน้อยเพียงใด...


บางคนคิดว่าการใช้เงิน เป็นเรื่องที่สนุก บางคนคิดว่าการใช้เงิน เป็นเรื่องที่ฟุ้มเฟือย บางคนคิดว่าการใช้เงิน เป็นเรื่องที่ดีที่ได้เสพความสุข บางคนคิดว่าการใช้เงิน เป็นเรื่องที่ต้องตัดสินปัญหาใหญ่ - -“ (งานเข้า) บางคนคิดว่าการใช้เงิน เป็นเรื่องที่พิจารณากันอย่างสูงเลยทีเดียว

ไม่ว่าคุณจะคิดแบบไหน คิดอย่างไร มันก็อาจจะดีสำหรับคุณ เพราะว่า “เงินนั้นมันเป็นของคุณ” คุณสามารถใช้ทำอะไรก็ได้มันเป็นสิทธิของคุณ แต่วันนี้ ผมจะมาพูดถึงเรื่อง “การใช้เงินอย่างคุ้มค่า” การใช้เงินอย่างถูกวิธีเขาจะต้องคิดอะไรกันบ้าง

เคยเห็นบางคนไหมครับ ซื้อสินค้าเพียงแค่ไม่กี่บาท แต่ตัดสินใจกันเป็น 5 นาที 10 นาที
บางท่านจะซื้อรถทั้งที โหยดูกันตั้งแต่ปีที่แล้วถึงจะได้ซื้อ
บางท่านจะซื้อสบู่สักก้อนนึง ตัดสินใจกันนานมาก...

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ... ที่ผมบอกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกนั้น เขาคนนั้น หรือที่ผมเอ่ยมานั้น เขาใช้เงินถูกต้องครับ... อ่ะ บางท่านยังไม่ทราบ วันนี้ผมจะมาพูดถึงเรื่อง “การใช้เงินอย่างคุ้มค่ากัน”

ผมจะลองยกตัวอย่างก่อนนะครับ

สมมุติว่า ผมจะไปซื้อ “นม” สักขวดนึงที่ เซเว่น เราต้องตั้งเป้าหมายจุดประสงค์ที่จะซื้อกันก่อน ตั้งใจว่าจะไปซื้อนมจืด พอไปดูปั๊บ.. โหย มีหลายยี่ห้อเลยแฮะ ทั้ง โฟร์โมส ทั้ง เมจิ ทั้ง ไมโล ทั้ง โอวัลติน มากันเพียบ!! แล้ว... จะเลือกอันไหนดีล่ะ ??




คราวนี้ เราจะมาดูเป้าหมายกันครับ เป้าหมายของผมตอนแรก ผมจะเข้าไปซื้อนมสดใช่ไหมครับ.. ผมต้องการผลประโยชน์ของมันจริงๆก็คือแคลเซียมเยอะ อยากสูง... (มีคนบอกว่าดื่มนมจืดแล้วจะสูงกว่ารสอื่นๆ ผมก็เลือกนมจืดนี่ละ)

ทีนี้ เรามี 4 ตัวเลือก ก็คือ = โฟร์โมส , เมจิ , ไมโล , โอวัลติน

เราจะเลือกซื้อนมสด ดังนั้น เราเอา ไมโล และ โอวัลติน ออกไปก่อนเลย มันไม่มี แคลเซียมสูงพอใช่ไหมครับ ?

ดังนั้น เราจึงเหลือ 2 ตัวเลือก ระหว่าง โฟร์โมส และก็ เมจิ นะครับ

ทีนี้เราก็มาดูประโยชน์ ของมันกันว่า มันมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างไร เริ่มต้นเราอาจจะดูที่ ปริมาณ คุณค่า สารอาหารมีอะไรบ้าง น้ำนมโค 100% แคลเซียมกี่% แนะนำควรดูให้หมดทุกบรรทัด ทั้ง ส่วนประกอบสำคัญ วันหมดอายุ ปริมาณ หรือแม้แต่ข้อมูลโภชนาการ ดูๆแล้วเอามาเปรียบกันว่า อันไหนดีกว่ากัน เอ้อเราชอบอันไหนนะ มันจะดีอย่างไรบ้าง มีส่วนประกอบอย่างไร ดูให้แน่นอนก่อนที่จะเลือก
เพราะมันคือ “สิ่งที่สำคัญในการตัดสินใจซื้อ” (สำคัญมากที่สุดในการซื้อสินค้า จับจ่ายเงิน)
ต่อมาเรามาดูว่า มันพอเหมาะพอควรหรือไม่..
นมทานคนเดียว ได้ประโยชน์ อยากสูง เราทานทุกๆวันมันก็ดีมีประโยชน์ พอเหมาะพอควรสำหรับเรา วันไหนอิ่มๆไม่อยากกิน ก็เก็บไว้กินวันหลังก็ได้ นี่คือเรื่อง พอเหมาะพอควร (ดีกว่าเอาเงินไปซื้อน้ำอัดลมละเนอะ จริงม่ะ ?)


ต่อมาเรามาดู ราคาของสินค้า ว่ามันแพงเว่อร์หรือไม่ ?
บางที่ บางร้าน ขายของได้เหี้ยมมาก ไม่รู้ว่าราคาจะสูงไปถึงดาวไหน ราคาขายตลาดทั่วไปนมขวดละ 25 บาท ปริมาณ 450ซม. บางร้านขาย 27 29 อย่างเนี้ยย ดูดีๆนะครับ เรื่องพวกนี้เราอาจจะโดนเอาเปรียบแบบไม่รู้ตัว
พยายามดูสินค้าให้หลายๆที่พยายามจดจำในสิ่งที่เราซื้อบ่อยๆ ยิ่งถ้าหากเป็นของราคาสูงด้วย อยากจะแนะนำให้ดูไปเรื่อยๆก่อน ให้มั่นใจว่าราคามันจะไม่แพงเว่อร์ หรือเราจะไม่โดนเอาเปรียบ




และสุดยอดที่เราจะสำรวจ คุณภาพของสินค้าเป็นอย่างไร ?
ดูก่อนเลยว่าคุณภาพสินค้าที่เราจะซื้อนั้นเป็นอย่างไรสมมุตินมก็อาจจะ ดูวันหมดอายุ ดูสีของนมว่ามันแปลกหรือไม่ ดูขวดว่าเสียหายอะไรหรือเปล่า ดูฝา ดูขอบว่ามันสกปรกไหม เพื่อสิทธิผู้บริโภคของเราสามารถเลือกและคิดพิจราณาไตร่ตรองได้ จะทำให้เราได้ประโยชน์ได้ถึงมากที่สุดเช่นกัน..

ทีนี้ถ้าหากพอใจแล้ว หรือว่าดีแล้ว เท่าที่เราดู เราก็ซื้อของชิ้นนั้นได้อย่างปลอดภัยและคุ้มค่า และได้ผลประโยชน์ถึงที่สุด ถึงแม้เราอาจจะเสียเวลาแค่ไม่กี่นาทีเพื่อคิดไตร่ตรองในสิ่งที่เราจะซื้อ แต่ถ้าหากเป็นสินค้าที่เราจะซื้อประจำ ก็ควรๆดูไว้บ้างครับ เพื่อประโยชน์ของเรา ไม่ใช่ตามกระแส หรือจากปากคนอื่นว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ ยิ่งสินค้าราคาสูงเราจะต้องตัดสินใจให้ดีกับข้อมูลของสินค้านั้นๆ เมื่อเราตัดสินใจดูข้อมูลของสินค้าแล้ว แถมเรายังได้ความรู้ประดับติดตัวไปด้วยว่า ของชิ้นนั้นๆ มีอะไร เพื่อประโยชน์และนี่คือการใช้เงินอย่างคุ้มค่าครับ...

ทีนี้เรามาสรุปกันครับว่า การใช้เงิน อย่างคุ้มค่าต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง...

1. เป้าหมายจุดประสงค์ที่จะซื้อ ?
2. ประโยชน์ที่เราจะได้มากน้อยเพียงใด ?
3. สิ่งที่สำคัญในการตัดสินใจซื้อ ? (สำคัญมากที่สุด)
4. พอเหมาะหรือสมควรหรือไม่ ?
5. ราคาของสินค้า แพงเว่อร์หรือไม่ ?
6. คุณภาพของสินค้าเป็นอย่างไร ?

**หวังว่าเพื่อนๆที่ได้อ่านบทความเรื่อง “การใช้เงิน” นี้แล้ว น่าจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้นะครับ การใช้เงินนี้ ก็จัดเป็นการออมเงินก็ได้ด้วยเช่นกันนะครับ เมื่อเรามีเงินเหลือ เราก็นำเงินมาเก็บออมๆ ทำธุรกิจ หรือซื้อของสิ่งที่เราอยากได้

**เมื่อคุณรู้จักการใช้เงินอย่างคุ้มค่าแล้ว และคุณสามารถใช้เงินจับจ่ายได้อย่างถูกต้องและสมบูรณ์แบบ ทำมันจนเป็นกิจวัตรประจำวัน ชีวิตคุณจะมีความสุขและมีค่ามากขึ้นเป็นเท่าตัวเลยครับ**

...ใช้เงินให้เป็น ใช้ให้คุ้ม รู้คุณค่าเงิน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข...

วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553

-`... เริ่มต้นนั่งสมาธิ ...`-

วันนี้ผมได้โอกาสมานั่งอ่านบทความนึง เกี่ยวกับการนั่งสมาธิ... ซึ่งอ่านแล้วรู้สึกดีมากครับ อธิบายอย่างละเอียดมากถึงมากที่สุด.. ทำให้รู้ถึงหลายๆเรื่องเมื่อขณะเรานั่งสมาธิอยู่ เมื่อเราปฏิบัติธรรม ตั้งสติ ปัญญา.. การเริ่มต้นนั่งสมาธิ เป็นอย่างไร ติดตามที่นี้นะครับ...



ปล่อยวาง ความคิดนึกเรื่องราวต่าง ๆ ให้หมดไปจากใจทำสติจับความรู้สึกอยู่ที่กายอาการสามสิบสอง ทำความรู้สึกนึกคิดเห็นตัวเราว่าขณะนั่งอยู่อย่างไร

เรานั่งขาขวาทับขาซ้ายก็ทำความรู้ว่าเรานั่งขาขวาทับขาซ้าย เรานั่งมือขวาทับมือซ้ายก็รู้ว่าเรานั่งมือขวาทับมือซ้าย เรานั่งตัวตรงก็รู้ว่าเรานั่งตัวตรง เรานั่งหลับตาก็รู้ว่าเรานั่งหลับตา นึกรู้นึกเห็นตัวเราอยู่ตลอดเวลา
น้อมนึกเห็นใบหน้าของเราว่ามีลักษณะอย่างไร นึกเห็นตั้งแต่ศีรษะตลอดลงมาปลายเท้า นึกเห็นรอบตัวเองแล้วมาพิจารณาอยู่ที่ใบหน้า นึกเห็นคิ้วเห็นตา เห็นหูทั้งสองข้าง นึกเห็นปากเห็นคางนึกเห็นปลายจมูก นึกเห็นลมหายใจเข้า-ออก

หายใจเข้าก็นึกรู้ว่าเราหายใจเข้า หายใจออกก็รู้ว่าหายใจออก หายใจออกยาวก็รู้ว่าหายใจออกยาว หายใจเข้าสั้นและออกสั้นก็รู้ว่าขณะนี้เราหายใจเข้า-ออกสั้น ทำความรู้เท่าทันลมหายใจเข้า-ออก
ทุกลมหายใจเข้า-ออกทำความรู้อยู่ที่ปลายจมูกนึกเห็นใบหน้า เรานึกเห็นอยู่ที่ปลายจมูกทุกขณะลมหายใจเข้า-ออก กำหนดอยู่ที่สองช่องจมูก หายใจเข้านึกว่า “ พุท ” หายใจออกนึกว่า “ โธ ” จนรู้อยู่แต่ “ พุท-โธ ” ทุกลมหายใจเข้า-ออกนึกเห็นแต่ปลายจมูกสว่างเสมอไป


ระยะแรก นั้นการปฏิบัติพึงกำหนดลมหายใจเข้าออกยาว ๆ เพราะสติยังอ่อนอยู่ ขณะที่นั่งอยู่นั้นกายสงบก็ทำความรู้ว่า “ กายสงบ ” ใจสงบก็ทำความรู้ว่า “ ใจสงบ ” สงบอยู่อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ทำความรู้อยู่ตลอดเวลา สุขเกิดก็รู้ทุกข์เกิดก็รู้ไม่สุขไม่ทุกข์เกิดขึ้นก็รู้ ทำความรู้ทั้งกายใจอยู่อย่างนี้บางครั้งทุกข์กายแต่สุขใจก็มี คิดดีก็รู้ รู้แล้วเฉย คิดชั่วก็รู้ รู้แล้วเฉยอะไรที่เกิดขึ้นทุกอย่างทำความเฉยให้เกิดขึ้นตลอดเวลา ทำเฉย ๆ ให้มากเท่าไร ยิ่งดี จิตจะได้ตั้งมั่นได้รวดเร็ว อยู่นาน ๆ เข้าจิตก็เกิดสมาธิ แนบแน่นจนกายเบาจิตเบา หากพลั้งเผลอไปก็ดึงสติกลับมาตั้งไว้จุดเดิมปฏิบัติอยู่เช่นนี้จนเป็นนิสัย

ลมหายใจก็จะละเอียดประณีตกายก็เบาใจก็สบาย ในช่วงนี้หากคำภาวนา “ พุท-โธ ” ได้ละไปแล้วก็ให้พิจารณาลมหายใจเข้า-ออกเพียงอย่างเดียว (คำ “ พุท-โธ ” จะหยุดรำลึกไปเองโดยธรรมชาติอย่าหวนคำรำลึกหรือทวนความรู้สึกใด ๆ ขึ้นมาอีก) เมื่อกระแสกลมกลืนกันดีแล้ว จิตจะนิ่งเป็นอิสระเป็นสุขและเกิดปัญญา รู้เอง เห็นเองสัมผัสได้ด้วยจิตเอง

**หมายเหตุ** การปฏิบัตินั่งสมาธิ ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติอย่างเคร่งเครียดเอาจริงเอาจังจนเกินไปหรืออ่อนเกินไป ควรทำใจให้สบาย ๆ ปฏิบัติสม่ำเสมอ จะเวลา เช้า เย็น หรือค่ำ สุดแต่ความสะดวกของตนเอง ใช้เวลาฝึกวันแรกเพียง ๑๐-๑๕ นาที แล้ววันต่อ ๆ ไปเพิ่มขึ้นเป็นวันละ ๒๐-๓๐ นาที จนถึงวันละ ๑ ช.ม. เป็นประจำทุกวัน

ขณะปฏิบัติอย่ามุ่งจิตคิดแต่จะเห็นนิมิต เพราะอาจจะทำให้ตัวของเราสร้างจินตนาการไปเอง และปฏิบัติควรปฏิบัติทุกวันอย่างน้อยวันละครั้ง อย่าได้ขาด ครั้งละจะนานเท่าใดก็ได้ขอให้จิตสงบ แต่หากว่าในคราวใดปฏิบัติไปแล้วจิตก็ยังไม่สงบ อย่ากังวลอย่าไปท้อใจ จงปฏิบัติเรื่อย ๆ ทุกวันก็จะสมเจตนาเอง

วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553

◘•` การพัฒนา EQ เริ่มต้นง่ายๆ `•◘


ไม่ใช่เรื่องยาก หากจะพัฒนา EQ ธรรมชาติของมนุษย์ก็เหมือนสิ่งมีชีวิตอื่นๆ คือมีการปรับตัวเพื่อการดำรงอยู่ การพัฒนา EQ ก็เป็นหนทางในการปรับตัว เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จุดเริ่มต้นง่ายๆ คุณต้องเข้าใจทฤษฎีเล็กๆของคำว่า ‘มนุษย์’ และ ‘สังคม’ ต้องเข้าใจธรรมชาติ เรียนรู้ธรรมชาติ เข้าใจในความแตกต่าง และเรียนรู้ที่จะพัฒนาให้กลมกลืน

ธรรมชาติของมนุษย์ในทางจิตวิทยา

  • เป็นผู้ที่มีมีพฤติกรรม
  • เป็นสัตว์สังคม
  • ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล
  • มีความเห็นแก่ตัว
  • เห็นความผิดของคนอื่นมากกว่าความผิดของตนเอง
  • ชอบตัดสินคนด้วยข้ออนุมาน

การพัฒนา EQ โดยจิตส่วนลึก

  • เข้าใจในธรรมชาติของตน พฤติกรรมของมนุษย์ล้วนแตกต่างกันด้วยประสบการณ์ ควรปรับพฤติกรรมให้อยู่ร่วมกับสังคมให้ได้
  • ต้องเข้าใจธรรมชาติของคำว่า ‘สัตว์สังคม‘ ไม่ใช่แค่เพียงอยู่ร่วมกัน แต่จะต้องมีการพึ่งพา ช่วยเหลือ และเกื้อกูลเป็นนิตย์
  • ฝึกทักษะทางด้านเหตุผลและอารมณ์
  • ฝึกทักษะการพิจารณาตนเอง ไม่ให้เป็นดั่งภาษิตที่ว่า โทษคนอื่นเท่าตัวไรท่านมองเห็น โทษท่านเท่าตัวเล็นท่านมองผ่าน ควรหันมาพิจารณาสำรวจตัวเองก่อน เพราะการพัฒนา EQ ที่ได้ผลที่สุด คือการพัฒนาโดยเริ่มจากตนเอง
  • ต้องแยกแยะได้ระหว่าง ข้อเท็จจริง (Fact) กับ ข้ออนุมาน (Inference)

ความแตกต่างของ ข้อเท็จจริงกับข้ออนุมาน

ข้อเท็จจริง (Fact)

คือข้อมูลที่มีหลักฐานอ้างอิงได้ หรือสิ่งที่ประสบพบด้วยตนเอง

ข้ออนุมาน (Inference)

คือการเดา การใช้สิ่งอื่นๆแทนข้อเท็จจริงในการตัดสินว่าสิ่งใดใดก็ตามเป็นจริง เป็นแค่ความคิด

สาเหตุของการออกจากองค์กร

  • 18% ขาดทักษะ IQ เชาว์ปัญญา การทำงานด้วยทักษะเฉพาะด้านที่ดีเลิศ
  • 78% ขาดทักษะ EQ เชาว์อารมณ์ การทำงานด้วยภาวะอารมณ์ที่ดี
  • 4% อื่นๆ


เริ่มต้นพัฒนา EQ ตั้งแต่วันนี้ คุณจะพบความมีอิสรภาพทางความสุขในการใช้ชีวิตในสังคม ปัญหาทุกข์ยากต่างๆจะทุเลาลงด้วยการพัฒนาความคิดและ EQ ของคุณเท่านั้น

การพัฒนา EQ มีจุดเริ่มต้นง่ายๆ

  • ฝึกทักษะความสามารถในการตระหนักรู้อารมณ์ของตนเองและผู้อื่น
  • ฝึกทักษะการบริหารอารมณ์ที่ดีของตนเองและผู้อื่น
  • ฝึกทักษะการสร้างแรงจูงใจแก่ตนเองและผู้อื่น
  • ฝึกทักษะความเห็นอกเห็นใจในตนเองและผู้อื่น
  • ฝึกทักษะการสื่อสารกับผู้อื่นด้วยความเป็นมิตรที่จริงใจ

..` วันนี้ชีวิตของคุณได้รับวิตามินแล้วหรือยัง? `..


วันนี้ผมได้นำบทความที่ว่า "วันนี้ชีวิตของคุณได้รับวิตามินแล้วหรือยัง?"

ซึ่งผมได้อ่านเจอในพี่ๆทีมงานที่ทำงานด้วยกัน ธุรกิจ GDI ผมอ่านบทความนี้แล้วรู้สึกว่า "อยากจะสร้างวิตามินตัวเองจัง??" เพื่อนๆงงไหมครับว่าผมหมายถึงอะไรในที่นี้ ผมได้อ่านเสร็จแล้วรู้สึกกระปรี้กระเปร่าทันที (แม้ไม่ได้ทานวิตามินดังกล่าว) มันทานไม่ได้อยู่แล้วต่างหาก.. ทำให้คิดเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง เป็นอย่างไรนั้น ติดตามอ่านกันได้เลยครับ..
ในแต่ละวัน เราจะต้องรับวิตามินใดบ้าง มาดูกันครับ...


Vitamin A

Ambition


ความใฝ่ฝัน ความฝัน และเป้าหมาย ในใจของเรา.. ในทุกๆวันเราจะต้องตอกย้ำตัวเองครับว่า เราอยากจะมีชีวิตอย่างไร ในอีกสามเดือน หกเดือน หรือหนึ่งปีให้หลัง เราอยากมีอะไร อยากได้อะไร อยากเป็นอะไร อยากที่จะใช้ชีวิตอย่างไร เขียนมันใส่กระดาษ พิมพ์เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ พูดถึงความฝันของตัวเองให้ชัดเจน คุ้นๆไหมครับสำหรับวิตามิน เอ แท้ที่จริงมันก็เป็นส่วนหนึ่งใน Law of Attraction ไงครับ


Vitamin B

Believe


ต้องมี ความเชื่อ และต้องเชื่ออย่างหมดใจ ว่าความใฝ่ฝันที่คุณวาดภาพไว้ จะต้องเกิดขึ้นจริง คุณสามารถกำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้โดยเขียนบทละครให้ตัวเอง เขียนด้วยความเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆเมื่อถึงเวลานั้น คุณต้องเชื่อในตัวเอง เชื่อในสิ่งที่ทำ



Vitamin C

Commitment

พันธสัญญา ที่คุณต้องผูกไว้กับตัวเอง สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ล้มเลิกจนกว่าคุณจะไขว่คว้าความใฝ่ฝันนั้นได้ ความสำเร็จของคุณ ไม่มีใครทำให้คุณได้ นอกจากตัวของคุณเอง การผูกพันธสัญญาต่อตัวเอง จะทำให้คุณกล้าที่จะเผชิญอุปสรรคต่างๆ เพราะมันจะฝังลึกในจิตใต้สำนึก การรักษาสัญญา เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อคำสัญญานั้นได้ให้ไว้กับตนเอง



Vitamin D

Determination


ปณิธาณ อันแน่วแน่ แรงกล้า คุณจำเป็นต้องมีวิตามินตัวนี้อย่างยิ่ง ความมุ่งมั่นในจิตใจ การตั้งปณิธาณที่มั่นคง จะทำให้คุณแกร่งขึ้นและไม่มีวันล้มเลิกได้ง่ายๆ ยิ่งคุณมีปณิธาณแก่กล้า ก็จะไม่มีอุปสรรคใดทำให้คุณยอมแพ้ได้เลย



Vitamin E

Effort

วิตามินตัวสุดท้ายที่คุณจำเป็นต้องได้รับทุกวันคือ ความพยายาม แม้คุณจะฝ่าฟันทุกอย่างได้ด้วยวิตามินตัวอื่นๆ แต่หากขาดความพยายาม ที่ผ่านมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า อย่ารอช้า ที่จะเริ่มต้นด้วยความพยายาม ไม่ใช่ทำแบบขอไปที สิ่งที่คุณใฝ่ฝันจะต้องแลกด้วยสิ่งที่เท่าเทียมกัน วันนี้คุณพยายามมากพอหรือยัง?

วิตามินเหล่านี้ ควรให้ชีวิตได้บริโภคทุกวัน มันมีความสำคัญต่อทุกธุรกิจ ทุกหน้าที่การทำงาน ทุกสัมพันธภาพที่ คุณมี มันสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ตลอดชีวิต น่าเสียดายที่วิตามินเหล่านี้ไม่มีขายทั่วไป ในเซเว่นก็ไม่มี ต่อให้บุกไปหาซื้อที่พาราก้อน ก็อย่าหวังจะได้เจอ วิตามินทั้งหมดนี้ ไม่มีแพ็คเกจ ไม่มีเครือข่ายที่ไหนเอามาจำหน่าย

...คุณเท่านั้นที่ผลิตมันได้เอง และต้องบริโภควิตามินเหล่านี้ทุกวัน...

วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

..:: ประวัติของเจ้า "หมึกพอล" Paul the Octopus หรือ Paul Oktopus :: ...


หมึกพอล (อังกฤษ: Paul the Octopus หรือ Paul Oktopus) เป็นหมึกยักษ์อายุ 2 ปี (ในปี ค.ศ. 2010) ที่มีประวัติในการทำนายผลการแข่งขัน ของฟุตบอลทีมชาติเยอรมนี ในการแข่งขันระดับนานาชาติ อย่างถูกต้องหลายครั้ง หมึกพอลเกิดที่ประเทศอังกฤษ


โดยในระยะแรก อาศัยอยู่ที่ซีไลฟ์ปาร์ก เมืองเวย์เมาท์ ของอังกฤษ

แต่ต่อมาย้ายไปอยู่ที่ ...


ซีไลฟ์อควาเรียม ในเมืองโอเบอร์เฮาเซน (Oberhausen) ประเทศเยอรมนี

ก่อนการแข่งขันฟุตบอลของทีมชาติเยอรมนี หมึกพอลจะเลือกกินหอยแมลงภู่ที่ใส่ไว้ในกล่องพลาสติกใส ที่หนึ่งกล่องจะติดภาพธงชาติเยอรมนี และอีกกล่องจะติดภาพธงชาติของทีมคู่แข่งขันกับเยอรมนี


โดยถ้าพอลเลือกกินในกล่องไหน คือการทำนายว่า ทีมนั้นได้รับชัยชนะ ระหว่างการแข่งขันของทีมชาติเยอรมนี ในฟุตบอลยูโร 2008 มีสถิติว่า หมึกพอลทำนายถูกต้อง มากกว่าร้อยละ 80 และในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 หมึกพอลทำนายการแข่งขันของทีมชาติเยอรมนี ถูกต้องทั้งหมด (7 ครั้ง) ที่รวมถึงทายว่าทีมชาติเยอรมนีแพ้ให้ทีมชาติเซอร์เบียในรอบแบ่งกลุ่ม และทายว่าแพ้ให้ทีมชาติสเปนในรอบรองชนะเลิศ และในรอบชิงที่ 3 ทายว่าทีมชาติเยอรมนีชนะทีมชาติอุรุกวัย


นอกจากนี้ยังสามารถทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 นัดชิงชนะเลิศระหว่างทีมชาติเนเธอร์แลนด์และทีมชาติสเปนว่าทีมชาติสเปนจะชนะ ได้ถูกต้องอีกด้วย...

หมึกพอลเริ่มเป็นที่สนใจของผู้คนตั้งแต่นัดที่เยอรมนีชนะอังกฤษ จนกระทั่งในการทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ครั้งสุดท้าย มีการถ่ายทอดสดไปทั่วทวีปยุโรป และสร้างกระแสให้สวนสัตว์ต่างๆ ทั่วโลก นำเอาสัตว์มาทำนายผลการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศของฟุตบอลโลกครั้งนี้ เช่น หลินปิง แพนด้ายักษ์ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ของไทย เป็นต้น

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

~[..JokerHIP `ชีวิตสิ้นหวัง..]~

…ชีวิตของคนเรา เมื่อเรารู้สึกสิ้นหวังในสิ่งที่ตัวเองกำลังประสบอยู่ ที่เกิดจากสิ่งต่างๆหลายๆด้าน ทั้งด้านความคิด ทั้งด้านจิตใจ ทั้งด้านร่างกาย มันเป็นสิ่งที่ยากมากที่เราจะทบทวน...
และลองคิดดูให้ ดีอีกครั้งให้มันถูกต้องเหมือนดั่งที่เรามีความหวังของเราในก่อนหน้านี้ ... มันคือสิ่งที่สวยงาม เมื่อเราได้นึกถึงมันขึ้น มันเป็นแรงผลักดันให้เราได้ตั้งใจ มุ่งมั่น เป็นแรงใจผลักให้เราทำทุกๆอย่าง

เพื่อสิ่งที่เราเฝ้าหวัง และตั้งเป้าหมายไว้ แต่เมื่อวันเวลาผ่านลับไป สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ สิ่งที่เรากำลังเป็นอยู่ตอนนี้ มันไม่ง่ายอย่างที่เราคิดไว้เลยในตอนแรกที่เราเคยฝัน ที่เราเคยตั้งเป้าหมาย ที่เราเคยได้

ทำ… มันกลับกลายเป็นว่า เราเป็น “คนหลงทาง” เด็ดเดี่ยวอยู่เดียวดายผู้เดียว เมื่อถึงตอนนี้ เราจะนึกและคิดสิ่งต่างๆ ที่เราเคยทำไปก่อนหน้านั้น เพื่อเป้าหมาย เพื่อความฝันที่เราเคยตั้งเอาไว้

เรากลับกลายเป็นคนคิดและไตร่ตรองใน สิ่งที่เราทำไป แต่ไม่ว่าเราจะคิดยังไง เราจะทำอะไรที่มันไม่ดีหรือสิ่งต่างๆที่ผ่านมาและพอมาถึง ณ จุดนี้ มันจะดีหรือไม่ดียังไง

เราทำได้แค่เพียงได้คิดถึงและไตร่ตรองในสิ่ง ที่เราทำไปทั้งหมด ที่ๆเราได้ตั้งเป้าหมายความฝันของเราไว้แล้ว ณ ปัจจุบัน “เรา คือ เรา”

อย่าปล่อยความตั้งใจและความฝันของคุณ หลุดลอยไปกับ “ความสับสน และความหลง” ในสิ่งที่คุณกำลังประสบอยู่

เมื่อ คุณรู้สึกอย่างนั้นขึ้นมา เมื่อคุณประสบอย่างนี้ กำลังถูกความสิ้นหวัง และหมดกำลังใจครอบงำ ผมอยากให้คุณคิดดูให้ดี อยากให้คุณตั้งสติ

และ ให้คุณนึกถึงเป้าหมาย เมื่อยามท้อ เมื่อยามที่คุณไม่รู้จะทำอะไรต่อไป เมื่อคุณหมดกำลังใจในสิ่งต่างๆ ทั้งความคิด ทั้งด้านจิตใจ



ผมอยาก ให้คุณมองเป้าหมายของคุณให้ชัดเจนอีกครั้ง ว่า เป้าหมายของเรา ที่แท้จริงนั้น เรานี่แหละ จะลุกขึ้นสู้ต่อไป เราเคยสัญญา และมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะทำมัน

และตอนนั้นกับตอนนี้ คำสัญญาและความมุ่งมั่นของคุณ จริงๆแล้วมันไม่ลดลงเลยแม้สักนิดเดียว... แต่มันกลับเพิ่มขึ้นเมื่อคุณกำลังประสบปัญหานี้อยู่

คุณไม่ได้ลดความมุ่งมั่นความตั้งใจไปเลยจริงๆ เพียงแค่คุณนั้น “หลงทาง สับสน” ในสิ่งที่ตัวคุณกำลังประสบ แค่นั้นเอง ?

แล้วลองคิดดูสิ คุณจะให้ ความสับสน ความหลง สิ่งไร้สาระพวกนี้ มาครอบงำให้คุณได้ จบ เป้าหมายที่คุณตั้งไว้อย่างนั้นหรอ ? ในเมื่อคุณยังมี “หัวใจ” คุณยังมีเป้าหมายที่ชัดเจน



คุณยังมี ความมุ่งมั่น ความตั้งใจ และคุณจะต้องทำให้ได้... ไม่ต้องไปสนใจสิ่งผิดพลาด หรือไม่ต้องกลัว ว่าที่ผ่านมาเราทำอะไรดี หรืออะไรที่มันไม่ดีไปบ้าง

“ตอนนี้” ลุกขึ้นซะ... ทำมัน อย่าหลง อย่าสับสน อย่าให้มันมาบดบังความตั้งใจ และเป้าหมายของคุณเด็ดขาด... เพราะเรายังมีหัวใจ และความตั้งใจ มุ่งมั่น ในตัวๆของเราอยู่

ค่า ของเราสูงกว่าไอพวกนั้นเยอะ อย่าให้มันมากำหนดทิศทางเราให้กลับถอยหลังเด็ดขาด คุณจะต้องตั้งสติ และหัวใจต้องเข้มแข็ง คุณจะต้องลุกขึ้นสู้ คุณจะต้องทำมันต่อไป



อย่า คิดในสิ่งที่เสีย... จงมอบ และทำดี ในสิ่งที่คุณเคยคิดจะทำ และสานต่อในสิ่งๆนั้นให้ประสบความสำเร็จ...



By… JokerHIP

วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

` --•) JokerHIP (•-- `

--•)`JokerHIP`(•--. 7 ก.พ. 53





อ่า... สวัสดีเพื่อนๆทุกคนเลยนะครับสำหรับหน้าเดิมๆ แล้วก็เพื่อนใหม่ๆด้วยนะค้าบบ ยินดีที่ได้รู้จักกันนะ ผมมาเขียนรายละเอียด กันอีกแล้ว..

เขียนวันที่ 9 มิถุนายน 2553..

ฮ่า.... จากปีที่แล้ว มาสู่ปีนี้ ผมก็ยังอยู่ในนี้ แล้วสิ่งต่างๆมันได้เปลี่ยนไปมากมาย จากเดิมของชีวิต ถึงตอนนี้ชีวิตยิ่งมีค่ามากต่อๆไป คนที่ทำให้ตัวเองมีค่าขึ้นทุกๆวัน ย่อมจะใช้ชีวิตคุ้มมากๆเลยนะ เต๋าว่า สิ่งที่คนๆอย่างเราจะทำในสิ่งที่ควร ในสิ่งที่จำเป็น สำหรับตัวเรา หรือคนอื่นๆ ผมว่า มันไม่มีสิ่งอื่นใดที่เป็นหลักๆอย่าง การทำความดี,รู้จักเพื่อนมนุษย์จิตใจ ทางสังคม การได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ การรู้จักสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ แล้วอยากรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ ทุกๆอย่างบนโลกนี้ย่อมไม่มีใครรู้ทุกอย่างทุกสิ่งแน่นอน


แม้แต่ Barack Obama ก็ยังต้องเสียท่าให้ใครหลายๆคนเช่้นกัน ซึ่งนั่นบ่งบอกว่าไม่มีใครดีเสมอไป แล้วก็ไม่มีใครแย่ทุกๆครั้ง ทุกๆอย่างบนโลกนี้มันช่างเลื่อมใส ทุกคนตั้งใจที่จะปฏิบัติตามกฎ แยกแยะสิ่งที่สกปรก สิ่งที่ไม่ดีสำหรับชีวิตตนเอง แล้วสิ่งที่ไม่อยากทำ คือตามใจตัวเองนั่นละ

---` อ่า.. นอกเรื่องมาเยอะแล้ว ขอเล่าสถานะของตัวเองในตอนนี้ แล้วก็ต่อๆไปสักหน่อย.. `--

... จากวันนั้นวันที่รู้จัก GDI , วันที่ได้รู้จักคำว่า"ตัวของตัวเอง" มันไม่ใช่ปัญหาเลย คนที่รับผิดชอบในชีวิตตัวเองได้ เต๋าถือว่ามันเป็นพื้นฐานของชีวิตมากนะ...

จากปีที่แล้วเต๋าได้เขียนบทความอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับ เรื่องส่วนตัว เรื่องครอบครัว ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ซึ่งผมไม่ได้โยงไปหาสิ่งอื่นใด ขอเก็บไว้ในใจตัวเองเสมอ แล้วขอรับเอาไว้แก้ไขเพียงคนเดียว...

ซึ่งมาถึงตอนนี้ เต๋าพอใจในสิ่งที่ตัวเองทำ ถึงแม้มันจะลำบากก็ตาม แต่ก็คือข้อสอบชีวิต ที่ทุกคนต้องกาผิด กาถูก..



---` มีคนถามคำถามมากมายว่า "จะเอาดีทาง บาสเก็ตบอล เหรอ?"

... เอาดีหรอ ? ผมไม่แน่ใจนะว่าสถานะผมตอนนี้ ควรจะรั้งมันไหม ผมยอมรับว่า เป็นตายร้ายดียังไง "ผมก็จะไม่ทิ้งลูกบาสลงจากมืิอแน่นอน" ทุกๆอย่างมีทางแก้ไข แล้วผมจะแก้ด้วยตัวผมเอง ผมไม่ยอมล้มเลิกแน่นอน "บาสเก็ตบอล" ผมเคยทุ่มเทกับมันมาสุดชีวิต แล้วผมก็จะต้องสานต่อความตั้งใจ ความศรัทธา ที่มีต่อมัน... เพราะผมไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ

นักบาสแชมป์ อายุ 16 ปี ยังไงก็ยังอยู่เสมอ
ผมทุ่มเทพาทีมโรงเรียนชนะเลิศในงานแข่งขัน กีฬา่เขตประจำจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งผมก็เคยแพ้มาครั้งนึง แต่ปี 52 ผมจริงจัง แล้วคิดมาตลอดว่าจะต้องเอาให้ได้แน่นอน...

"นักบาสเก็ตบอลจังหวัด,ระดับภาค กำลังรอผมอยู่..."

_________________

ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ผมยังไม่ได้เผยแพร่ แล้วกำลังเขียนอยู่

เข้ามาคุยกันได้ตลอดเลยเน้อออ... ไปละจ้าาาา


By..`JokerHIP`